วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Ba Na Mountain Vietnam



พระพุทธรูป วัดใหญ่บนเขาบานา

ดูข้อมูลเพิ่มเติม วัดใหญ่บนเขาบานา Ba Na Mountain



ภูเขาบานาฮิลล์ สถานที่ 'น่าเที่ยวที่สุดในโลก' ที่เวียดนาม  ภูเขาบานาฮิลล์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ในฮอยอัน ดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือ กระเช้าบานาฮิลล์ (Ba Na Hill) ได้รับการบันทึกสถิติโลก โดย World Record ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุด ซึ่งคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศปุยเมฆหมอก ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สภาพพื้นป่าอันอุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตากอากาศที่ดีที่สุดในเวียดนามเพราะมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดปีและระหว่างการเดินทาง จะได้ชมวิวทิวทัศน์ความสวยงามของน้ำตก (Toc Tien) ลำธาร (Suoi no) ชมถ้ำไวน์ มีทั้งโรงเเรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และสิ่งที่สำคัญ คือได้นมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระศากยะมุนี เพื่อความเป็นสิริมงคลพระพุทธรูปปูนขาวสูงถึง 27 เมตร พระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ ตั้งอยู่บนเขาบานาฮิลล์ ที่มีทั้งความสวยเเละความศักดิ์สิทธิ์

ดานังมีภูมิทัศน์อันงดงามโดยเฉพาะชายทะเล ช่วงเวลาท่เหมาะสมสำหรับเที่ยวทะเลคือเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านชาวประมงและไร่นาเขียวขจี มีผู้กล่าวว่าถนนที่สวยที่สุดของเวียดนามนั้นอยู่ที่ดานังนี้เอง



บานาฮิลล์ ที่เมืองดานัง ซึ่งความน่าสนใจนั้นอยู่ที่รถกระเช้าไฟฟ้า ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์ เอาไว้ถึง 4 หมวดความเป็นที่สุด

1. Longest non-stop single tract cable car กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร
2. Highest ascent by a non-stop single-track cable car  กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร
3. Longest non-stop cable กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร
4. Heaviest cable roll กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลหนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน

นอกจากนั้น Ba Na Hills Station ยังเป็นสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Largest departure station in Southeast Asia) ที่มีแหล่งสันทนาการ สวนสนุก รวมทั้งห้องนิทรรศการที่รวบรวมประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมเอาไว้อีกด้วย

ในอดีตบานาฮิลล์เป็นสถานตากอากาศที่ดีที่สุดในเวียดนามกลาง รวมทั้งสวนสนุกขนาดใหญ่บนยอดเขา บานาฮิลล์ แฟนตาซี ปาร์ค (Ba Na Hills Fantasy Park) คือ สวนสนุกในร่มและกลางแจ้งขนาดใหญ่ โดยสร้างให้เป็นเหมือนเมืองแห่งเทพนิยายที่สวยงาม ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขาบานาฮิลล์ มีหลายๆโซนให้ร่วมสนุกกัน อย่างเช่น ภาพยนตร์ในระบบ 3D,4D,5D บ้านผีสิง ถ้ำไดโนเสาร์ เกมสนุกๆ เครื่องเล่นต่างๆ รวมทั้งร้านค้าและร้านอาหารครบครัน



เมื่อใกล้จุดหมายปลายทางจะมองเห็นยอดปราสาทอยู่ลิบๆ เหมือนเมืองในเทพนิยาย พอลงจากกระเช้าไฟฟ้าก็จะพบกับสวนสนุก Fantasy Park ที่มีเกมส์และเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต หรือผู้ใหญ่ใจเด็กให้เลือกสนุกกัน จากสวนสนุกยังมีกระเช้าไฟฟ้าอีกช่วงซึ่งห้องโดยสารจะเล็กกว่าในช่วงแรก เพื่อต่อไปยังที่เที่ยวอื่นๆ เช่น The Linh Ung Pagoda วัดทางพุทธศาสนาที่มีพระพุทธรูปสีขาวสูงถึง 27 เมตร ที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล รวมทั้งโรงแรมบนยอดเขาที่คุณสามารถพักค้างคืน ชมทิวทัศน์จากจุดที่เห็นเมืองดานังได้ทั้งเมือง รวมถึงเวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ของทะเลจีนใต้อีกด้วย


ที่ตั้ง: เวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้

วิธีเดินทาง: บานาฮิลล์ จะไม่มีรถเมล์ผ่าน เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่จะใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง
ถ้าหากไม่ได้มากับทัวร์ ก็ต้องใช้บริการเเท็กซี่ ประมาณ 1 ล้านดอง ราคา 1,500 บาท กิโลเมตรละ 10 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที หรือถ้ามากันเป็นกรุ๊ป ขอเเนะนำว่าให้ทางโรงเเรมติดต่อรถตู้เช่ารายวันให้ เพราะจะถูกและคุ้มกว่าเเท็กซี่

ช่วงเวลาที่ดี: อากาศที่นี่หนาวเย็นตลอดปี

ค่าเข้าชม: ค่ากระเช้าคนละ 500,000 VND (ประมาณ 700 บาท)

วีซ่า: เที่ยวไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า


 สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านแบบเต็มและติดตามทริปอื่น ๆ สามารถอ่านและติดตามได้ที่        www.govivigo.com




วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มุยเน่ ทะเลทรายสีขาว




มุยเน่ ทะเลทรายสีขาว ( Mui Ne Vietnam ) - ทัศนียมภาพทะเลทรายสุดนิยม

ดูข้อมูลเพิ่มเติม มุยเน่ Mui Ne Vietnam


          The Sand Dunes of Mui Ne นั้นตั้งอยู่ที่เมืองมุยเน่ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ห่างออกมาจากเมืองฟานเทียด โดยระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร โดยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก และมีชายหาดที่แสนจะสวยงามเป็นอย่างมาก ทำให้มันเป็นอีกเมืองตากอากาศยอดนิยมของเวียดนามไปแล้ว
          ปัจจุบันที่สำคัญนั้นมันอยู่ห่างจาก โฮจิมินห์ ซิตี้ไม่ไกลมากนัก พร้อมกับมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอย่างมากโดยเฉพาะทะเลทราย ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมามีในภูมิภาคทางตอนใต้ของเวียดนามได้ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีแม่เหล็กสูงในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างแดนให้เข้ามาเที่ยวชม

ภูเขาทรายสองสี ทะเลทรายขาว เป็นทะเลทรายที่ค่อนข้างมีอาณาเขตกว้างขวาง เป็นเนินทรายสีขาวทอดตัว  สลับไปมา ตามสภาพกระแสลมในฤดูนั้นๆ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างได้สวยงามอลังการ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูป และ มีบริการให้เช่า รถ ATV ไว้ขับเล่นในทะเลทรายคิดค่าเช่าเป็นรายชั่วโมงอีกด้วย

"ทะเลทรายเเดง" ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก รถ jeeb วกกลับตามเส้นทางเดิมที่เรามา ย้อนกลับมาที่ "ทะเลทรายเเดง"  เป็นเนินทรายกว้างใหญ่สีเเดงที่ขึ้นชื่อเมืองมุยเน่เช่นกัน  เเม้ว่าทะเลทรายเเดงจะมีอาณาเขตพื้นที่น้อยกว่าทะเลทรายขาวเเต่มีความสวยงามไม่เเพ้กัน เนื่องจากอยู่ติดริมถนนสายหลักจึงมีร้านอาหาร ร้านค้า ไว้บริการ นักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างที่จะพลุพล่าน สามารถพบเห็นเด็กๆ ถือกระดานที่ไว้สำหรับสไลด์กับผืนทรายบริการให้เช่า



กิจกรรมสุดพิเศษ เล่นกระดาษสไลด

เเต่สำหรับช่างภาพเเล้วภูเขาทรายเเดง น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะภาพที่ออกมานั้นจะเป็นทรายสีเเดงตัดกับฟ้าสีน้ำเงินสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ท่องเที่ยวนิยมมาเล่นกันก็คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง โดยคุณสามารถหาเช่ากระดานเลื่อนได้ที่ร้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเนินทรายมากนัก 






วิวยามเย็นอันสุดโรเเมนติก

วิธีเดินทาง: จากเมืองโฮจิมินห์ขึ้นรถโดยสารประจำทางไปยังเมืองมุยเน่ เเล้วเช่ารถ Jeep ครึ่งวันราคา 7 USD ใช้เวลาเที่ยว 4 ชั่วโมง อยู่ห่างจากตัวเมืองมุยเน่ประมาณ 25 กิโลเมตร

กิจกรรมที่สนุกตื่นเต้น: นั่งกระดานสไลด์ไปกับผืนทราย สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากลอง และตอนช่วงเย็นแบบนี้ จะเป็นไฮไลท์เด็ดของที่นี่ เป็นกิจกรรมสุดท้ายของการทัวร์หนึ่งวันในเมืองมุยเน่  นั่นก็คือ การชมพระอาทิตย์ตกที่ทะเลทรายแดงแห่งนี้ เป็นการชมความสวยงามพระอาทิตย์สีส้มทอง สะท้อนกับผืนทราย ค่อยๆ ลับขอบฟ้า เป็นภาพที่เมื่อได้มาสัมผัสเป็นต้องประทับใจทุกรายไป

ช่วงเวลาที่ดี: ช่วงเช้าหรือช่วงหลังจาก 15.00 น. เพราะกระแสลมไม่แรงและแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป

พักที่ไหนดี: Muong Thanh Mui Ne Hotel , Saigon Mui Ne Resort

วีซ่า: เที่ยวไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า



สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านแบบเต็มและติดตามทริปอื่น ๆ สามารถอ่านและติดตามได้ที่  www.govivigo.com














วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อ่าวฮาลอง



อ่าวฮาลอง - มรดกโลกทางธรรมชาติ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม ฮาลองเบย์ Vietnam


อ่าวฮาลอง หรือ ฮาลอง เบย์ (Ha Long Bay) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสไปเยือนประเทศเวียดนาม  นี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ของเวียดนาม  เป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่างดงมหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ ฮาลองเบย์ในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยสำคัญและเป็นแหล่งเศรษฐิกจแห่งใหญ่ มีโครงการมากมายเริ่มก่อสร้างขึ้นที่นี่

ฮาลอง เบย์ เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย ทางตอนเหนือของเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับประเทศจีน มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาว 120 กิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตรประกอบด้วยเกาะหินปูนน้อยใหญ่กว่า ๑,๙๐๐ เกาะ หลายเกาะก็ยังไม่มีชื่อ  และยังมีก้อนหินรูปร่างแปลกๆโผล่พ้นจากทะเล และมีถ้ำมากมายให้ชม  จนทำให้สถานที่แห่งนี้มีมนต์ขลัง มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามว่า อ่าวฮาลอง (Vinh Ha Long) หมายถึง "อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง"

อ่าวฮาลอง เบย์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ที่ภูเก็ต ประเทศไทย

ความสำคัญของฮาลองเบย์ คือ การถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ฮาลองเบย์นั้นมีเกาะแก่งต่างๆ มากมายกว่า 3,000 เกาะ ซึ่งล้วนแต่เป็นเกาะหินปูนที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ภาพจำของฮาลองเบย์ก็คือเรือใบแบบย้อนยุคที่ลอยล่องอยู่บนผืนน้ำ ท่ามกลางเกาะน้อยใหญ่ แต่ตอนนี้ หากมาเที่ยวที่นี่ก็คงจะเห็นเพียงแต่เรือท่องเที่ยวที่แล่นรับส่งนักท่องเที่ยวให้ออกไปชมความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา

วิธีเดินทาง:
  • จากฮานอย มีรถบัสไปยังเมืองฮาลอง ซึ่งห่างออกไป 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง และจากสถานีรถบัสไปท่าเรืออ่าวฮาลองอีก 15 นาที จากนั้นไปต่อเรือที่ท่าเรือเฟอรี่ ซึ่งจะมีเรือไปยังเกาะกั๊ตบา (Cat Ba Island)
  • หรือจากฮานอยนั่งรถลงมาที่จังหวัดไฮฟอง (Haiphong) จากสถานีรถบัสไปท่าเรือใช้เวลา 10 นาที มีเรือไฮโดรฟรอยไปยังเกาะกั๊ตบา ใช้เวลา 2 ชั่วโมง












วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ที่เที่ยวหน้าฝนทั่วไทย ชมทะเลหมอก โอบกอดป่าเขียว

มีหลายคนถามกันมาว่าหน้าฝนเที่ยวไหนดี? เมื่อพูดถึงที่เที่ยวหน้าฝนต้องนึกถึงป่าเขียวขจีที่ดูชุ่มฉ่ำ ทะเลหมอกหนาๆ ที่ลอยฟุ้ง เป็นบรรยากาศดีๆ ที่หาไม่ได้จากฤดูไหน ใครชอบท่องเที่ยวธรรมชาติรับรองไม่ผิดหวัง กับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทยที่ไม่ควรพลาด ทั้งป่า ภูเขา น้ำตก มาครบ เรามาดูกันดีกว่ากว่าหน้าฝนมีที่ไหนบ้าง รอให้เราไปเที่ยว

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : 10 ที่เที่ยวหน้าฝนทั่วไทย ชมทะเลหมอก โอบกอดป่าเขียว

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว (จังหวัดอุตรดิตถ์, จังหวัดพิษณุโลก)


หากพูดถึงภูสอยดาวช่วงหน้าฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือบริเวณลานสนสามใบภูสอยดาว ที่มีทุ่งดอกไม้บานสะพรั่งสวยงามท่ามกลางหมอกขาว ทั้งดอกหงอนนาคสีม่วง ดอกสร้อยสุวรรณาสีเหลือง และดอกหญ้ารากหอมสีม่วงเข้ม ยังมีน้ำตกให้ได้เที่ยวอีกด้วย เช่น น้ำตกภูสอยดาว น้ำตกสายทิพย์

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (จังหวัดเลย, จังหวัดพิษณุโลก, จังหวัดเพชรบูรณ์)


อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ารวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงหน้าฝนจะได้สัมผัสทั้งอากาศเย็นสบายและหมอกที่ลอยฟุ้งไปทั่วเลยทีเดียว ความสวยงามไม่ได้มีแค่นั้น ราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมบริเวณลานหินแตกและลานหินปุ่ม จะถูกปกคลุมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งมอส กล้วยไม้ ดอกไม้ แต่ที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดก็คือดอกเปราะภู บริเวณลานหินปุ่มที่ออกดอกสีขาวไปทั่วบริเวณ

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า


ภูทับเบิก (จังหวัดเพชรบูรณ์)


เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ขึ้นชื่อเรื่องทะเลหมอกสีขาวที่ตัดกับยอดภูสีเขียว และไร่กะหล่ำปลีที่มองรวมกันแล้วสวยงามสุดๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ทะเลหมอกจะดูหนานุ่มเป็นพิเศษ ใครมาเที่ยวก็ต้องติดใจกับวิวเหนือเมฆที่เห็นได้แบบ 360 องศา พูดได้ว่าเหมือนยืนอยู่บนท้องฟ้า แค่ออกจากที่พักก็เห็นทะเลหมอกอย่างเต็มอิ่มได้แล้ว

ภูทับเบิก
ภูทับเบิก


อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (จังหวัดชัยภูมิ)


อุทยานแห่งชาติป่าหินงามในช่วงฤดูฝนคือตั้งแต่ช่วงมิถุนายน-สิงหาคม นักท่องเที่ยวจะได้ชมทุ่งดอกกระเจียวที่เบ่งบานไปทั่วตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงขึ้นตัดกับสีเขียวของต้นหญ้า เป็นหนึ่งในช่วงที่สวยงามและน่าไปเที่ยวมากที่สุดของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม


เขาค้อ (จังหวัดเพชรบูรณ์)


ว่ากันว่าเขาค้อสวยที่สุดในฤดูฝน ทั้งทะเลหมอกที่ลอยฟุ้ง ความเขียวขจีของภูเขาและอากาศเย็นสบาย ทำให้เขาค้อเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าฝนที่จะไม่ทำให้ผู้มาเยือนผิดหวัง ที่พักบนเขาค้อก็มีให้เลือกหลายแห่ง สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ 10 ที่พักเขาค้อ วิวดีๆ หมอกเน้นๆ

เขาค้อ
เขาค้อ

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ภูเขาไฟฟูจิ



ภูเขาไฟฟูจิ - ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น


เข้าดูข้อมูลเพิ่มเติม  ภูเขาไฟฟูจิ Mount Fuji

ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น คือสูงราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต) และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก รอบๆ ภูเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม มีทะเลสาบ 5 แห่งรายล้อมอยู่ ได้แก่ ทะเลสาบยามานากาโกะ, ทะเลสาบคาวากุจิโกะ, ทะเลสาบโมโตสุโกะ, ทะเลสาบโชจินโกะ และ ทะเลสาบไซโก้ 

โดยภูเขาไฟฟูจิ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปประมาณเดือนก.ค.-ส.ค.ของทุกปี และในนปี ค.ศ. 2013 ภูเขาไฟฟูจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายใต้ชื่อ "ฟูจิซัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของความบันดาลใจทางศิลปะ" จากองค์การยูเนสโก 

ที่ตั้ง: ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซุโอะกะ (Shizuoka) และจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโตเกียว

วิธีเดินทาง: จากโตเกียวให้นั่งรถบัสที่ชินจูกุ (Shinjuku station) มาลงที่ Mt.Fuji 5th Station ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมปีนเขา

เวลาเปิด - ปิด: เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 

ค่าเข้าชม: ฟรี

พักที่ไหนดี: Hotel Kaneyamaen

เเผนที่และคู่มือภาษาอังกฤษ สำหรับข้อมูลรอบ ๆ ภูเขาฟูจิ http://www.jnto.go.jp/eng/location/rtg/pdf/pg-405.pdf

วีซ่า: เที่ยวไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า 

เพิ่มเติม: ตารางเวลารถบัส http://highway-buses.jp

ดูสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้ ที่เว็บ govivigo




สะพานอสรพิษคู่เมืองนิกโก้

nikko
“สะพานชินเคียว” หรือที่เรียกกันว่า “สะพานอสรพิษคู่” (Scared Bridge)

เข้าดูข้อมูลเพิ่มเติม  สะพานชินเคียว Scared Bridge

สะพานอสรพิษคู่เมืองนิกโก้
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) หรือสะพานอสรพิษคู่ เป็นสะพานไม้สีแดงทอดข้ามแม่น้ำไดยะ ในฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้สองฝั่งแม่น้ำจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มสีแดงสวยงาม

ติดอันดับ 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น อีกสองแห่งคือ สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge) ที่อิวาคูนิ กับสะพานซารุฮาชิ (Saru Bridge) ที่โอสึกิ

ช่วงเวลาที่ดี ใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน

ที่ตั้ง ประตูทางเข้าศาลเจ้าและวัดนิกโก้, โทะชิงิ, ญี่ปุ่น

วิธีเดินทาง นั่งรถบัสหน้าสถานีรถไฟ JR Nikko หรือ Tobu Nikko ไปลงที่ Shinkyo ค่าโดยสาร 200 เยน หรือสามารถใช้ World Heritage Bus Pass ราคา 500 เยนก็ได้

ค่าเข้าชม 300 Yen (เดินไป-กลับข้ามสะพาน)

วันเปิดทำการ เปิดทุกวัน

เวลาเปิด-ปิด 
8:00-17:00 น. เมษายน-กันยายน
8:00-16:00 น. ตุลาคม – กลางเดือนพฤษจิกายน
9:00-16:00 น. กลางเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม

วีซ่า เที่ยวไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า 

เพิ่มเติม http://www.japan-guide.com/e/e3814.html

ดูที่เที่ยวอื่นๆ ได้ที่เว็บ govivigo